By the way บริษัทเขาก็มีสิทธิจะตั้งกฎอะไรนะคะ เพราะคือบริษัท แล้วงานที่ทำนั่นคือด่านแรกรับลูกค้าเลยนะน่ะ บริษัทก็ต้องคำนวณขาดทุนกำไร เพราะไม่ใช่องค์กรไม่แสวงหากำไรหรือมูลนิธิ

เรื่องก่อนหน้าติดโรคมา ก็อย่าไปสนใจเลย เขาก็ไม่อยากรื้อฟื้น มันคืออดีตอันเจ็บปวด

แต่

ยังไงแล้ว ก็ควรให้โอกาสเขานะค่ะ ยังไงเขาก็ดิ้นรนหางานทำ ไม่เป็นภาระใคร

นางสมัครของระดับ 5 ดาวเลย มาตรฐานเค้าสูงมาก ตัวเลือกเยอะกว่ามากๆ ตรวจสุขภาพ ตรวจประวัติอาชญากรรม ตรวจผลเลือด เป็นเรื่องปกติของโรงแรมระดับ 5 ดาวก่อนเข้าทำงานค่ะ อย่างหน้าฟร้อนท์ หรือแผนกบัญชี ถ้าผ่านคุณสมบัติแล้ว ต้องจ่ายเงินค่ามัดจำแผนกด้วยค่ะ 3 หมื่นบาท ได้คืนตอนลาออก บางที่ 5 หมื่นบาทนะคะมัดจำหน้าฟร้อนท์ป้องกันยักยอกค่ะ

ถ้าติดโรค ควรลดทิฐิตัวเองด้วยค่ะ เห็นแก่ส่วนรวมองค์กรใหญ่ด้วยค่ะ งานต่างประเทศก็ต้องตรวจเลือดนะคะ

ไม่รับตั้งแต่แรกจะง่ายกว่านะคะ มึงดูจุ้นจ้านกับชีวิตเค้าเกินร้อยไปนะ intrusive สุดๆ
เดี๋ยวก็จะโดนฟ้องข้อหาเสือกเกินเบอร์อีก กับอีพวก HIV+เนี่ยห่างๆไว้เลยดีที่สุด

อ่านไหม ถ้ามีการเซ็นสัญญาข้อตกลงแล้ว ถือว่ายอมรับทั้งสองฝ่าย ผู้ว่าจ้างแจ้งให้ทราบแล้ว ลูกจ้างเซ็นยินยอมแล้ว ฟ้องเสือกเกินเบอร์ยังไงในเมื่อตกลงกันแล้ว

ก็เสือกเกินเบอร์จริงๆ สัญญาเสือกแบบนี้ไม่มีใครเค้าเซ็นกัน มึงจะเอาเค้าเป็นผัวหรือยังไง เสือกเรื่องส่วนตัวขนาดนี้ เสิกแบบนี้ไม่มีใครเค้าทำงานกับมึงหรอกค่ะอีแก่จอมเสือก

แต่อย่าลืมว่าคนที่เขาไม่มั่วไม่ร่านก็ไม่อยากเสี่ยงรับเชื้อจากคนที่ติดโรคปะ

น่ากลัวมากค่ะ
แล้วแฟนเด็กของนางติดมากจากไหนค่ะ

เรื่องเล่าตอแหลของกะเทยป่วยเอดส์หรือคะ
อยากให้ดุสิตธานีฟ้องอีนี่จังค่ะ

เป็นโรคน่ารังเกียจ ควรจะรู้ตัวนะคะ
ไม่ใช่มั่นหน้ามั่นโหนก
อยากโดดเด่นอยู่ในสังคม

เป็นบ่าง บ่างจะอยู่บ้าน
ทำอาหารขายให้พวกกะเทยด้วยกันค่ะ
ส่วนการเจ็บป่วย บ่างก็จะเก็บเป็นความลับไว้

มีโพสที่ห้องนัดมั่วด้วยนะคะ แต่ไม่มีใครกล้ามาตอบเลยคะ

สมัยก่อนไม่มียาต้าน แล้วจั่วไหมค่ะ

พวกที่จั่วก็เยอะนะคะที่ชอบมีวัณโรคมาแทรกซ้อนไงคะ คิดลึกๆหน่อยนะคะ
ก็มีความสุขสะใจไร้ถุงไแล้วนี่คะ ไม่มีงานทำน่าจะเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วอะค่ะ

เขาอาจจะไม่ได้ร่าน แต่อาจโดนแฟนโดน(ผัวหรือเมีย)จงใจแพร่เชื้อใส่ก็ได้นะคะ

พวกที่ติดเอดส์บางตัวมันก็จงใจแพร่เชื้ออยากให้คนอื่นเป็นโรคแบบมัน