มื่อปีพ.ศ.2536 มีข่าวครึกโครมพระยันตระ อมโรพระหนุ่มรูปงามแห่งเกริงกระเวีย มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสีกาสาว นางจันทิมา มายะรังสี สื่อต่างๆทั้งโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์แย่งกันนำเสนอข่าวหลากรูปแบบเพื่อกระตุ้นยอดขายโดยไม่สนใจข้อมูลเท็จจริงแต่อย่างใด
พฤติกรรมสามานย์สารพัดถูกนำมาใช้ใส่ร้ายป้ายสีเพื่อให้ดูชั่ว ถึงขนาดส่งคนไปเผากุฏิไม้ที่ท่านอาศัยปฏิบัติธรรมบนยอดเขา เพื่อสร้างข่าวเอามาขาย แม้พระพุทธรูปทองเหลืองยังต้องหลอมละลายเพราะความร้อน
รุ่งเช้าก็มีข่าวพาดหัวตัวไม้ใหญ่ยักษ์
"ฟ้าพิโรธ ลงโทษยันตระ"🌩️
สื่อแบกะดินที่แทบไม่ใครรู้จักและอยู่ในภาวะใกล้ล้มละลาย รุ่งเรืองเฟื่องฟูขึ้นมาทันที เพราะจับทาง
คนได้ว่า "นิยมเสพข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี"
แต่สื่อยักษ์ใหญ่อย่างไทยรัฐ สมเป็นสื่ออันดับหนึ่งของเมืองไทย คือยึดหลักขายความจริงมากกว่ามุ่งยอดขายข่าวเท็จที่หวือหวา ได้ส่งนักข่าวเกรดเอเงินเดือนสูงไปบวชเป็นพระเพื่อสืบค้นความจริง️
ก่อนพระนักข่าวรูปนั้นจะลาสิกขา ได้กล่าวสารภาพความจริงต่อหน้าพระสงฆ์และญาติธรรมว่า
"ผมเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ถูกส่งมาบวชเพื่อมาเจาะหาความจริง ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ได้ร่วมปฏิบัติธรรมกับหมู่คณะ ผมประจักษ์ชัดทั้งด้วยตัวเองและข้อมูล ขอสารภาพเปิดใจ ณ ที่ตรงนี้ต่อหน้าทุกท่านว่า.....
...ผมเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของ
พระอาจารย์ยันตระ อมโรครับ"
หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปไม่นานนัก นางจันทิมา มายะรังสีก็ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็ง
แต่อนิจจจาสื่อไทยที่จรรยาบรรณตายไปแล้ว ไม่มีสื่อใดลงข่าวคำสารภาพของนางจันทิมา มายะรังสีก่อนเสียชีวิตเลย นอกจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และลงเพียงกรอบสี่เหลี่ยมเล็กๆเท่านั้น
"ก่อนตายดิฉันขอสารภาพความจริง
เพื่อไถ่บาปว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับพระอาจารย์ยันตระไม่มีมูลความจริง แต่เพราะความโกรธแค้นที่ถูกลูกศิษย์ขัดขวางไม่ให้เข้าใกล้พระอาจารย์ กอปรกับดิฉันอยู่ในภาวะร้อนเงินด้วย เมื่อมีคนว่าจ้างรับปากจะช่วยเหลือและสัญญาจะส่งเสียลูกสาวเล่าเรียนดิฉันจึงต้องทำงานนี้ให้กับเขา"
วัดพระธรรมกายก็เช่นเดียวกัน
ทั้งในอดีตที่ผ่านมาและในอนาคต จะถูกสร้างข่าวร้ายจากสื่อที่ขายข่าวและพวกที่ต้องการทำลายศาสนา จนกว่าจะไม่มีวัดพระธรรมกายอยู่บนผืนแผ่นดินไทยอีกต่อไป......️
Cr: มิลา บายันต์