เรื่องโอมนี้พูดได้คำเดียวว่าเวรกรรมมีจริง กรรม = ผลของการกระทำ สมควรแล้วตราบใดที่นางยังนิ่งเฉยไปเรื่อยนางก็โดนแบนไม่หยุดวนเวียนแบบนี้ไม่รู้จบเหมือนตายทั้งเป็น สิ่งเดียวตอนนี้ที่นางต้องทำลดอีโก้ตัวเองหาวิธีทำยังไงก็ได้พูดคุยกับครอบครัวผู้เสียหายต่อให้ต้องไปกราบเท้า,เลียตีน,คุกเข่าหน้าบ้าน,ชดใช้เป็นเงิน,ให้พอ่แม่เด็กกระทืบ ก็ต้องทำถ้ายังอยากอยู่ในวงการบันเทิงต่อ สิ่งสำคัญต้องทำให้ครอบคครัวผู้เสียหายพอใจก่อนและหยุดที่จะพูดเรื่องในอดีตอีก และทำ PR ออกสื่อทั่วไป ( ไม่ต้องตั้งโต๊ะแถลงแค่ถ่ายเป็นรูปก็พอแล้ว) ต้องดึงผู้เสียหายมาเป็นพวกตัวเองก่อนส่วนโซเซียลคนไหนไม่พอใจโอมต้องโดนทำโทษมากกว่านี้ไม่หยุดด่าเรื่องนี้ถ้าน้องรู้สึกว่าทำให้เสียหายก็ไล่ฟ้องเชือดไก่ให้ลิงดู เหมือนที่บิวกิน ใครจะแฉนางในอดีตโทรไปคุยปรับความเข้าถ้าไม่หยุดนางก็จะฟ้อง ผมว่าต้องใช้โมเดลนี้ ไม่งั้นไม่จบ
-------------------------------------------
ขอพูดถึงบริษัทออกมาปลดโอมหน่อย ฉันเข้าใจว่าที่ออกมาช้าคงจะดูท่าทีของ GMM ว่าจะดำเนินการอย่างไร หลังบ้านก็น่าจะโดนแฟนคลับไปถล่มกดดันอย่างหนักถึงต้องตัดสินใจทำหนังสือปลดโอม เข้าใจว่าเป็นใครก็คงต้องทำแบบนี้เพื่อสร้างภาพลักษณ์บริษัทที่ดีต่อสาธารณะชนต้านการบูลลี่อันนี้ไม่ผิดหรอก
แต่การด่าค่าย GMM ว่าเพิกเฉย ต่อให้เป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ตาม มืออาชีพเข้าไม่ทำกัน สุ่มเสี่ยงที่จะโดน GMM ฟ้องกับถ้าเข้าพิสูจน์ได้ว่าไม่มีการเพิกเฉย การเอาคู่ค้าลูกค้าพันธ์มิตรตัวองค์กรออกมาแฉเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ (หมายถึงตัวองค์กรไม่ใช่บุคคล) ถ้าจะเล่นควรจะเล่นไปที่ตัวโอม คนเดียวก็พอ บริษัทออกมาแถลงแบบนี้ในอนาคตคงไม่มีเด็ก GMM ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ตัวสินค้าตัดโอกาศทางธุรกิจ หรือไปออกงานโชว์ตัวถ้ามีแบรนนี้เป็นสปอนเซอร์ GMM ก็อาจจะไม่ส่งเด็กไปร่วมงานด้วย / กูงงกับผู้บริหารบริษัทนี้มากจากคนๆเดียวกลายเป็นสร้างศัตรูกับคู่ค้าทั้งองค์กร