ยอมรับความจริงเถอะค่ะว่า เข้าแพทย์ เอกชน เพราะคะแนนไม่ถึง มอรัฐมอเอกชนค่าเทอมแพงมาก ต้องลูกคุณหนู คุณชาย กินหรู อยู่สบายมาก่อนนะ ถึงเข้าเรียนได้
ลูกตาสีตาสา ลำบากยากจน เข้าไม่ได้แน่นอน ต่อให้เก่งพอเข้าหมอได้ ก็เรียน ม.เอกชน ค่าเทอมปีหนึ่งเป็นล้านไม่ได้หรอก
แล้วไหนจะค่าหนังสือ ค่าอยู่กิน กว่าจะเรียนจบหมอจากเอกชน นึกว่าไปเรียนเมืองนอกซะอีก คงหมดไปไม่ต่ำกว่า 5 - 6 ล้าน เผลอๆ ถึง 10 ล้านด้วยซ้ำ เพราะต้องมีค่านั่นนู่นนี่อีกมากมาย
ถ้าคนลำบาก เขาไปเรียนหมอ หัวดี แต่เคยลำบาก เคยทำงานหนักมาแต่เด็ก เขาไปเป็นหมอ เขาไม่รู้สึกว่าหนักหรอกนะ เพราะเขาเคยลำบากมาก่อน
อย่างเราก็เคยลำบากมาก่อน เราไปทำงานดูแลคนไข้ เราก็รู้สึกว่าเราอดทนได้ เพื่อชีวิตคนไข้ และทุ่มเทให้มัน มันอาจจะมีอยู่นะ วันหนึ่งที่ทำงานเกือบ 24 หรือเกิน 24 ชม.
แต่มันจะมีวันได้พักอยู่นะ แล้วพอผ่านระยะ 3 ปี ไป เราจะไม่ได้ทำหนักแบบเดิม ยิ่งจบเฉพาะทางมา จะมีตารางเวรที่ดูแลคนไข้เฉพาะมากขึ้น
ใหม่ๆ ก็ต้องอดทนหน่อย ถามว่าเป็นเพราะระบบไม่ดีด้วยไหม ก็ส่วนหนึ่งที่ทำให้หมอคุณหนู คุณชาย อยู่ไม่ได้หรอก เขาก็จะคิดว่าจะทนอยู่ไปทำไม มันไม่คุ้มชีวิตเขาไง
เพราะเรียนมาก็เหนื่อยแล้ว จบมาแล้วต้องมาอยู่ในระบบอะไรแบบนี้ไม่รู้ไง เขาก็ลาออกดีกว่า ทำไมต้องทนอยู่กับระบบแบบนี้ไง เขาไม่เข้าใจหรอก
ก็ความคิดใครความคิดมันนะ แต่ส่วนคนที่เป็นหมอทนต่อไปได้ เพราะเขาก็อยากเป็นหมอดูแลคนไข้ ไม่ได้เกิดมาสบาย ลูกคุณหนูมาก่อน เขาก็ทนได้อยู่ส่วนหนึ่งก็เลยอยู่ไป
แต่เอาดีๆ ก็ต้องแก้ระบบด้วย เพื่ออย่างน้อยไม่ให้คนหนีไปมากกว่านี้ แต่ลึกๆ ก็คงหนีอยู่ดี เพราะลูกคุณหนู คุณชาย มาเรียนเอาวุฒิหมอไปเปิดคลินิกความงาาม และให้คนในสังคมอวยว่าเก่งเฉยๆ
แต่ต่อไป คนจะไม่มองว่าหมอเก่งแล้วนะ เพราะใครๆ ก็เรียนได้ เปิดเยอะขึ้นแล้ว หมอแนะ หมอเนอะอะไรนั่นไม่ต้องจำเป็นต้องมีแล้วล่ะ
เพราะใครๆ ก็เข้าถึงความรู้วิชาการแพทย์ได้ง่ายขึ้นจากยุค IT และมี AI ช่วย
หมอแนะ หมอเนอะ ก็คงต้องปั่นทวิตเพื่อล่อให้เด็กๆ มาเข้าคอร์สติว ขายหนังสือติว ไป เพราะเผื่อเด็กเพ้อฝันอยากเป็นหมอ ยังมีอีกบ้าง
เพราะสังคมยังคิดว่าหมอคือเทวดาก็ยังมีไดโนเสาร์หลงยุคเหลืออยู่นั่นเอง