ต่อมาเวลา 11.50 น.น.ส.แพทองธาร และสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนด (Samdech Moha Borvor Thipadei HUN Manet) นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามความตกลง จำนวน 7 ฉบับ ได้แก่1.บันทึกความตกลงว่าด้วยกรรมสิทธิ์ การใช้ การบริหาร และการบำรุงรักษาสะพานมิตรภาพไทย กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน สตึงบท)
ADVERTISMENT
2.บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสิ่งแวดล้อมราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยความร่วมมือด้านมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมข้ามแดน
ADVERTISMENT
3.หนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อปรับเปลี่ยนสาระสำคัญของความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานกัมพูชา ไทย
4.บันทึกข้อตกลงด้านการจ้างแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
5.บันทึกความเข้าใจระหว่างไทยกับกัมพูชาว่าด้วยความร่วมมือเรื่องแรงงานและการจัดทำข้อตกลงด้านการจ้างงานไทย กัมพูชา
6.บันทึกการหารือ สำหรับการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการแก่ราชอาณาจักรกัมพูชา สำหรับงานออกแบบรายละเอียดโครงการปรับปรุงถนนหมายเลข 57 (บ้านผักกาด บ้านปรม จังหวัดไพลิน ถนนหมายเลข 5 จังหวัดพระตะบอง) ราชอาณาจักรกัมพูชา
7.ความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการก่อสร้างสะพานข้ามพรมแดนแห่งใหม่ ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาดอำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี
ก่อนที่นายกฯและนายกฯกัมพูชา เป็นประธานในพิธีเปิดตราสัญลักษณ์ครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-กัมพูชา และการแถลงข่าวร่วม
น.ส.แพทองธารกล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เดินทางมาเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโอกาสครบรอบ 75 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย กับ กัมพูชา และยินดีที่ได้ร่วมกับสมเด็จมหาบวรธิบดีฮุน มาแนด เปิดตัวตราสัญลักษณ์เพื่อเฉลิมฉลองวาระดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ในวันนี้ได้หารืออย่างเป็นกันเองและสร้างสรรค์ ต่างแสดงความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะกระชับความร่วมมือบนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจ เคารพซึ่งกันและกัน และผลประโยชน์ร่วมกัน ในประเด็นสำคัญ ดังนี้
1.การยืนยันถึงความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างกัน โดยยินดีที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วม เพื่อให้ความเป็นหุ้นส่วนดังกล่าวก่อประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมให้แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ รวมถึงยินดีต่อการเปิดสถานกงสุลใหญ่ไทยที่จังหวัดเสียม ราฐ และการเปิดสถานกงสุลใหญ่กัมพูชาที่จังหวัดสงขลาในอนาคตอันใกล้
2.การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคง โดยสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือทางทหารให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นในทุกระดับ เพื่อรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดนระหว่างสองประเทศ ต้องขอบคุณนายกฯกัมพูชา สำหรับความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างหน่วยงานตำรวจในการปราบปรามแก๊งหลอกลวงออนไลน์ และจะส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อขจัดเครือข่ายอาชญากรรมให้หมดจากพื้นที่ชายแดน และเชื่อมั่นว่าการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยมลพิษสิ่งแวดล้อมข้ามแดน จะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือในการรับมือกับมลพิษฝุ่น PM2.5 ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการพัฒนาขีดความสามารถของหน่วยงานของทั้งสองประเทศ
3.การเร่งรัดการพัฒนาพื้นที่ชายแดน โดยไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมอย่างไม่เป็นทางการที่พื้นที่ชายแดน ในโอกาสเปิดสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา อย่างเป็นทางการ รวมถึงจะเร่งรัดการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ตลอดจนเร่งเจรจาความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางถนน เพื่อให้รถยนต์ส่วนบุคคลสามารถข้ามแดนได้ รวมทั้งพัฒนาบริการขนส่งสินค้าข้ามแดนทางราง เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมโยงสองประเทศ และในภูมิภาคต่อไป
4.การกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และตั้งเป้าที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน จาก 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี ค.ศ. 2027 โดยขอบคุณกัมพูชา ที่สนับสนุนนักลงทุนไทยอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบัน เป็นกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 9 ในกัมพูชา นอกจากนั้นสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะประสานงานกันภายในกรอบอาเซียน เพื่อส่งเสริมการรวมตัวทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค รวมทั้งเชื่อมโยงเศรษฐกิจให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
5.การเสริมสร้างความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว และขับเคลื่อนข้อริเริ่ม หกประเทศ หนึ่งจุดหมายปลายทาง ให้มีความคืบหน้า รวมทั้งจะปรับปรุงความตกลงว่าด้วยการข้ามแดนเพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางข้ามแดนเพื่อการท่องเที่ยว
6.การส่งเสริมให้มีการจ้างแรงงานชาวกัมพูชาในประเทศไทยผ่านช่องทางที่ถูกกฎหมายเท่านั้น เพื่อให้แรงงานสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์และสวัสดิการที่เหมาะสม
7.การเสริมสร้างมิตรภาพและความเข้าใจระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน ซึ่งในวันนี้ ได้มีการลงนามในเอกสารเพื่อจัดตั้งศูนย์พัฒนาทักษะแรงงานที่ปูนพนม โดยจะจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ไทย กัมพูชา ตลอดทั้งปีนี้ เพื่อสะท้อนมิติต่างๆ ของมิตรภาพอันยาวนาน
ทั้งนี้ ภายหลังจบแถลงข่าวร่วม นายกฯกัมพูชา เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกฯ ที่ โถงลำดวล ชั้น 1 วิมานสันติภาพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/politics/news_5150071